วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นักวิเคราะห์ระบบฯ (System Analyst) เค้าทำงานกันอย่างไร?


นักวิเคราะห์ระบบ เค้าทำงานกันอย่างไร?




 วันนี้ขอพาท่านผู้ชม ผู้อ่าน และแฟนคลับทุกๆ ท่าน เข้าไปสัมผัส ตำแหน่งงานหนึ่งของ กสท นั่นก็คือ “นักวิเคราะห์ระบบงานคอมพิวเตอร์“ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากถึงคราวเปิดรับสมัครบุคลากรเข้าทำงานทีไร ตำแหน่งนี้มีเข้าร่วมชิงชัยในสนามสอบด้วยเกือบทุกครั้ง เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว หลายคนก็คงอยากรู้แหละว่า คนพวกนี้เค้าต้องทำงานกันอย่างไร? งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า

คุณสมบัติเบื้องต้นของนักวิเคราะห์ระบบที่ควรจะมี คือ

1. มีความรู้ความสามารถทาง คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มีประสบการณ์ในการเขียนโปรแกรม
 เนื่องจากเป็นงานที่ข้องเกี่ยวกับทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (Hardware) ซอฟต์แวร์  ระบบเครือข่าย  และข้อมูล เป็นหลัก เจอกับมันทุกวัน จนเรียกว่าแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปเลย

2. มีความสามารถในสื่อสาร
เนื่องจาก เป็นงานที่ต้องพบปะผู้คน เรียนรู้ปัญหา เข้าใจปัญหาได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งสามารถนำเสนอแนวความคิดของตนเองให้ผู้อื่นเข้าใจได้

3. มีทักษะการแก้ไขปัญหาทั้งเฉพาะหน้าและปัญหาในระยะยาวได้ดี
เนื่องจาก เมื่อเข้าไปทำงาน หน้าที่ของคนกลุ่มนี้คือ ช่วยแก้ปัญหาในการทำงาน หรือเสนอวิธีการใหม่ ที่สามารถนำเอาเทคโนโลยีเข้าไปช่วยเป็นเครื่องในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

4. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมีใจรักในงานให้บริการ
เนื่องจาก เป็นงานที่ต้องติดต่อกับคนจำนวนมาก การสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อให้การทำงานเกิดความคล่องตัว และจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากคนจำนวนมากเพื่อให้ระบบงานประสบความสำเร็จ

5. มีความเป็นผู้นำและสร้างทีมในการทำงานได้
เพราะไม่เพียงแค่ต้องติดต่อกับคนทำงานหรือผู้ที่กำลังจะกลายเป็นผู้ใช้งาน(User) เท่านั้น ยังจำเป็นต้องสามารถสร้างทีม เพื่อเข้ามาช่วยในการพัฒนาระบบงานที่มีเวลาค่อนข้างจำกัด และมีความยาก ง่าย ต่างกันไปตามเงื่อนไขของผู้ที่ต้องการใช้งาน ภายในทีมงานนั้น จะประกอบไปด้วย นักพัฒนาโปรแกรมหลายๆ คน (Developer หรือ Programmer) นักทดสอบโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์ (Tester) ผู้จัดการฝึกอบรม  รวมทั้งยังต้องทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานได้อย่างยอดเยี่ยม

6. ขยัน อดทนต่อสถานการณ์ที่กดดันได้ และมีความรับผิดชอบสูง
เนื่องความต้องการของผู้ใช้งานมักจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องอาศัยความวิริยะอุตสาหะ ขยันหมั่นเพียร อดทน ทุ่มเท เพื่อให้งานที่รับผิดชอบประสบความสำเร็จ และผู้ใช้งานเกิดความพึงพอใจสูงสุด

คราวนี้เราจะไปดูกันต่อค่ะว่า ในแต่ละวันงานของคนพวกนี้เค้าทำอะไรกันบ้าง โดยทั่วไปแล้วงานของคนกลุ่มนี้จะยึดหลักการทำงานตามวงจรของการพัฒนาระบบงานทางคอมพิวเตอร์ที่ประกอบได้ด้วยขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

1. ศึกษาความเป็นไปได้ 
ในการพัฒนาะบบงานคอมพิวเตอร์ โดยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลคร่าวๆ ว่างานที่คนอื่นทำๆ กันอยู่เป็นประจำทุกวันนั้น หากนำเอาคอมพิวเตอร์เข้าไปช่วยในการทำงานแล้วจะส่งผลอย่างไร เกิดความคุ้มค่าอย่างไร เกิดผลดี ผลเสียอย่างไร จากนั้นก็จะทำการประเมินว่า งานนี้ควรที่จะนำเอาระบบคอมพิวเตอร์เข้าไปทำงานแทนคน จะดีหรือไม่ หากประเมินแล้วไม่ผ่าน งานนี้ก็เป็นอันยกเลิก แล้วคงต้องไปดูงานอื่นๆ ต่อไป แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะผ่าน เพราะเดี๋ยวนี้การทำงานเกือบทุกอย่างก็ใช้คอมพิวเตอร์เกือบทั้งนั้น  เมื่อผ่านขั้นตอนนี้ก็ไปสู่ขั้นตอนต่อไป

2. เก็บรวบรวมความต้องการของผู้ใช้งาน 
โดยเข้าไปสัมภาษณ์ผู้ที่ทำงานอยู่ในปัจจุบัน  สังเกตการทำงาน ให้ทำแบบสอบถาม เพื่อจะได้รู้ว่างานที่ทำๆ กันอยู่เดิมนั้นเป็นอย่างไร หรือเรียกได้ว่าเข้าไปดูกระบวนการทำงานทั้งหมดของการทำงานเดิมนั่นเอง จากนั้นก็เก็บปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน แล้วก็คิดหาวิธีในการแก้ปัญหาโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงาน ซึ่งในขั้นตอนนี้แหละค่ะ ประสบการณ์ของนักวิเคราะห์ระบบจะมีส่วนสำคัญที่จะเสนอแนะวิธีการแก้ปัญหาแบบใดถึงจะดีที่สุด ซึ่งในขั้นตอนก็จะมีเทคนิคต่างๆ เข้ามาช่วย เช่น เทคนิคที่นิยมใช้กันคือ การทำ Prototype หรือการสร้างแบบจำลองคร่าวๆ เพื่อให้ผู้ใช้งานเห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายขึ้นว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตจะเป็นไปในรูปแบบใด พร้อมทั้งยังช่วยให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบงานที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยโดยการให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมกับ Prototype ที่สร้างขึ้น

3. วิเคราะห์และออกแบบระบบงานใหม่ 
โดยหลังจากที่เก็บความต้องการของผู้ใช้งานได้พอสมควรแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของนักวิเคราะห์ที่ต้องมาวิเคราะห์ปัญหาทั้งหมด กำหนดหน้าที่ของระบบที่จะมาทำหน้าที่แทนคน รวมทั้งออกแบบการทำงานของระบบทั้งหมด อาจเรียกขั้นตอนนี้ว่าเป็นการสร้างพิมพ์เขียวก่อนที่จะไปก่อร่างสร้างระบบต่อไป

4. พัฒนาระบบงาน  
โดยในขั้นตอนนี้พระเอกหรือนางเอก จริงๆ ก็คือ โปรแกรมเมอร์ ที่ทำหน้าที่ในการพัฒนาหรือสร้างระบบงานตามที่ออกแบบไว้ส่วนนักวิเคระห์ระบบจะทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ ผู้ประสานงานกับผู้ใช้งานและคนเขียนโปรแกรม รวมทั้งยังต้องเข้าไปช่วยในการแก้ปัญหาด้วยในบางครั้ง หากบางครั้งงานรีบเร่ง คนไม่พอ ผู้กำกับอาจต้องเข้าไปแสดงฝีมือเอง นั่นคือเข้าไปช่วยเขียนโปรแกรมด้วย

5. ทดสอบระบบงานที่พัฒนาขึ้น  
เพื่อตรวจสอบดูว่าสิ่งได้ออกแบบไว้แล้วกับที่สร้างขึ้นมาถูกต้องสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด โดยคนที่เข้าไปทำการทดสอบก็จะประกอบไปด้วย คนเขียนโปรแกรม นักวิเคราะห์ และผู้ใช้งานค่ะ หากไม่เป็นที่พอใจ เราไม่ยินดีคืนเงินนะคะ แต่ต้องกลับไปแก้ไขให้จนกว่าผู้ใช้งานจะพอใจ

6. ฝึกอบรมผู้ใช้งาน และการจัดทำเอกสารคู่มือ  
ในทุกขั้นตอนจะมีการทำเอกสารอยู่แล้ว แต่หลังจากพัฒนาระบบงานเสร็จเรียบร้อยตามที่ตกลงไว้กับผู้ใช้งานและผู้ใช้งานพอใจในระดับหนึ่งแล้ว  นักวิเคราะห์ระบบต้องประสานงานกับนักฝึกอบรมเพื่อ จัดหลักสูตรอบรมให้กับผู้ใช้งาน เพื่อที่จะได้ใช้งานได้อย่างถูกต้อง

7. ดูแลรักษาระบบที่พัฒนาขึ้นให้ใช้งานได้และเป็นปกติดีในทุกๆ วัน 
รวมทั้งรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้งานด้วย ในกรณีที่ระบบใช้งานไม่ได้ พร้อมทั้งหาทางแก้ไขต่อไป

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงงานหลักๆ ของนักวิเคระห์ระบบที่ต้องทำ ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้เวลาในแต่ละขั้นตอนค่อนข้างมาก และไม่ได้ทำงานเพียงแค่ระบบเดียวแล้วก็เลิกกัน ดังนั้นในเรื่องของการจัดการเวลาจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้เช่นกัน

เพิ่มเติมครับ http://catadmin.cattelecom.com/km/blog/jareerat/2008/01/17/sa/

3 ความคิดเห็น:

  1. บทความนี้ทำให้รู้จักกับนักวิเคราห์ระบบมากยิ่งขึ้น ถือเป็นบทความที่ดีมากเลยที่เดียวค่ะ

    ตอบลบ
  2. เป็นบทความที่ดีสำหรับคนที่อยากเป็นนักวิเคราะห์ระบบ เพราะจะได้เตรียมตัวและฝึกฝนในสิ่งที่เรายังไม่มีหรือไม่รู้ให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีความพร้อมที่จะเป็นนักวิเคราะห์ระบบในอนาคต :)

    ตอบลบ
  3. การเป็นนักวิเคราะห์ระบบ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องเข้าใจในปัญหาของระบบนั้นๆอย่างรวดเร็ว
    บางทีอาจต้องใช้ประสบการณ์มากๆ ซึ่งก็จะทำให้เราเข้าใจและตีความออกรวดเร็วขึ้น

    นักวิเคราะห์ไม่ใช่แค่เพียงรู้ปัญหา แต่เป็นกระบวนการที่ทำจนจบ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนสุดท้ายคือระบบแก้ไขเสร็จสิ้นตามความต้องการ

    ตอบลบ

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น